สีทาเหล็ก สีกันสนิม เลือกอย่างไร

สีทาเหล็ก เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันการเกิดสนิมและเพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดยจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยเช่นการใช้งานของโครงสร้างเหล็ก สภาพแวดล้อม และการดูแลรักษาหลังจากทาสีทับหน้าเสร็จแล้ว เพื่อให้สีทาเหล็กมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้สูงสุด และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานและลดความเสียหายที่เกิดจากสนิมได้เป็นอย่างมาก วันนี้ช่างช้างจะมาแนะนำการเลือกสีทาเหล็กให้เหมาะสมกับการใช้งาน และข้อแตกต่างระหว่างประเภทของสีกันครับ

สีทาเหล็ก ในท้องตลาดแบ่งออกเป็น 2 การใช้งานหลักๆ

สีทาเหล็ก ใหม่ ที่ไม่มีสนิมเกาะ

1. สีกันสนิม เรดอ็อกไซด์
   • เป็นสีกันสนิมมาตรฐานที่ผสม ผงออกไซด์ เข้าไปเป็นสารกันสนิม
   • ใช้กันอย่างแพร่หลายราคาไม่แพง เหมาะกับเหล็กใหม่ที่ยังไม่ขึ้นสนิมช่วยปกป้องการเกิดสนิม การลามของสนิม และช่วยให้สีทับหน้ายึดเกาะได้แน่นมากยิ่งขึ้น
   • สีชนิดนี้ส่วนใหญ่มีให้เลือกอยู่ 2 สีคือ สีแดง และสีเทา วิธีการเลือกใช้คือสีแดงจะใช้กับสีทับหน้าที่มีสีเข้ม ส่วนสีเทาจะใช้กับทับหน้าที่มีสีอ่อน
   • สีเรดอ็อกไซด์ก็มีหลายเกรดต่างกันตรงที่มีสารกันสนิมมากน้อยแค่ไหนทำให้ต้องทาสีรองพื้นซ้ำอย่างน้อย 2-3 ครั้ง
   • ใช้ทินเนอร์ผสมก่อนใช้งาน
2. สีกันสนิม ซิงค์ฟอสเฟต หรือ สีกันสนิมสีส้ม
   • เป็นสีกันสนิมที่ทนกว่า เรดอ็อกไซด์ เมื่อก่อนคือสีที่มีส่วนผสมของตะกั่ว แต่ปัจจุบันได้พัฒนามาใช้ ซิงค์ฟอสเฟต ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
   • มีคุณสมบัติต่อต้านการกัดกร่อนจากสารเคมี และสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงๆได้
   • เหมาะกับเหล็กใหม่ที่ต้องการความทนทาน และอายุการใช้งานที่มากกว่าการใช้ สีกันสนิมเรดอ็อกไซด์ 
   • ก่อนใช้งานต้องผสมทินเนอร์ก่อนเช่นกัน และทา 2 ชั้น

---

สีทาเหล็ก เก่าสำหรับการรีโนเวท หรือต้องการความทนทานสูงสุด

1. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (ส่วนเดียว)
   • เป็น สีอีพ็อกซี่ ที่มีส่วนผสมของซิงค์ฟอสเฟตเช่นเดียวกัน
   • มีความทนทานต่อสีน้ำมันซึ่งเราสามารถใช้สีน้ำมันทาทับหน้าได้เลยโดยที่ไม่กัดกัน
   • เน้นไปทางด้านการรีโนเวท หรือการทาสีใหม่ให้กับเหล็กที่มีสนิมเกาะอยู่ จะช่วยในการยับยั้งไม่ให้เกิดสนิมเพิ่มได้อย่างดีเยี่ยม
   • สีอีพ็อกซี่ประเภทนี้จำเป็นต้องผสมทินเนอร์ก่อนทา และต้องทา 2 ชั้น
2. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (2ส่วน)
   • สีกันสนิมอีพ็อกซี่ ที่มีส่วนผสมของสารกันสนิมและ มีเนื้อสีที่หนากว่า
   • ใช้กับเหล็กที่มีความต้องการการปกป้องที่ดีที่สุด เช่น สิ่งก่อสร้างที่อยู่ใกล้ทะเล เสาเหล็กสูง หรืองานเหล็กที่มีราคาสูงเป็นต้น
   • ป้องกันสนิมและมีความทนทานต่อแรงเสียดทาน และรอยขูดขีดได้อย่างดีเยี่ยม เน้นใช้งานกับพื้นที่ที่ก่อให้เกิดสนิมง่าย
   • ก่อนการใช้งานจะต้องผสมสีทั้ง 2 ส่วน ตามสัดส่วนโดยปริมาตร ตามที่ระบุไว้ในสีแต่ละรุ่น และผสมทินเนอร์ในปริมาณประมาณ 10 – 15% ก่อนทา

---

สรุปง่ายๆ สำหรับการเลือก สีทาเหล็ก ให้เหมาะกับการใช้งาน

1. สีกันสนิม เรดอ็อกไซด์ ใช้เคลือบเหล็กใหม่ทั่วไป ความทนทานระดับมาตรฐาน ราคาไม่แพง
2. สีกันสนิม ซิงค์ฟอสเฟต ใช้เคลือบเหล็กใหม่ที่ต้องการความทนทานมากขึ้น อายุการใช้งานนาน
3. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (ส่วนเดียว) ใช้ในการรีโนเวทเหล็กที่ขึ้นสนิมป้องกันการลาม ทนทาน และใช้สีน้ำมันทาทับได้
4. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (2ส่วน) ใช้กับเหล็กที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ เช่นโรงงาน หรืออาคารใกล้ทะเล มีราคาที่แพง

---

สีในตลาดแต่ละรุ่นจัดอยู่ในประเภทไหน?

หลังจากที่ได้รู้จักประเภท และการเลือกสีกันสนิมให้เหมาะสมกับงานแล้ว เรามาดูกันว่าในท้องตลาด สีกันสนิมต่างๆ จะมีชื่อเรียกของแต่ละยี่ห้อว่าอะไรบ้าง เอาไว้เป็นแนวทางง่ายๆ ในการเลือกซื้อครับ

1. สีกันสนิม เรดอ็อกไซด์
   • TOA Red Oxide Primer
   • TOA Grey Primer
   • Delta Red Oxide Primer
   • Jotun Steel Guard
   • BegerShield Super-gloss Enamel
2. สีกันสนิม ซิงค์ฟอสเฟต
   • Jotun GARDEX Primer
   • TOA Rust Preventive Primer
   • Nippon Paint Bodelac
3. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (ส่วนเดียว)
   • TOA Rust Shield
4. สีกันสนิม อีพ็อกซี่ (2ส่วน)
   • Jotun EasyPrime Primer
   • TOA Rust Tech
   • Beger Rust Guard
   • Nippon Paint Rust Stopper

---

สีน้ำมันกับอีพ็อกซี่ใช้อะไรทาดีละ?

สีน้ำมันกับสีอีพ็อกซี่จะต้องใช้ลูกกลิ้งที่แตกต่างกันเพราะความหนืด และส่วนผสมไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ขณะทาสี เช่นขนลูกกลิ้งหลุดใส่ชิ้นงาน หรือสีไม่สามารถลงไปในที่ไม่เรียบได้ครับ วันนี้ช่างช้างเลยจะมาแนะนำลูกกลิ้งที่มีคุณภาพ และคุ้มค่าให้ครับ

สำหรับสีทาเหล็กชนิดที่เป็นสีน้ำมัน ช่างช้างแนะนำ ลูกกลิ้งโซมิค 2 in 1 ครับ มีเส้นใยคุณภาพดี ขนฟู หนา ทอได้แน่น ทาได้ทั้งสีน้ำ และ สีน้ำมัน อุ้มสีได้ดี และส่งสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สีเรียบเนียนทาได้พื้นที่มากกว่า สะดวก รวดเร็ว มีขนาดให้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการหลากหลาย ตั้งแต่ขนาด 4”, 7”, 9”, 10” และ รุ่นเล็กอย่าง Slim 4”ครับ

 

 

และสำหรับสีอีพ็อกซี่ ช่างช้างขอแนะนำเป็น ลูกกลิ้งโซมิค รุ่นEpoxy ครับ เพราะเราใช้เส้นใยสังเคราะห์พิเศษ และการถักทอที่แน่นกว่าลูกกลิ้งทั่วไป ทำให้ขนไม่หลุดบนพื้นผิว เหมาะกับสีที่มีความข้นเหนียว ทั้งนี้ยังอุ้มสีได้ดี ส่งสีได้แน่น ลูกกลิ้งรุ่นนี้จะมีด้วยกับ 2 แบบคือ แบบขนสั้นที่เหมาะสำหรับพื้นผิวเรียบเช่น ทาสีงานเคลือบหรือ Top Coat ที่ต้องการความเรียบเนียนสูง และ แบบขนยาวเหมาะสำหรับพื้นผิวที่ขรุขระไม่เรียบเนียนทำให้ต้องใช้ขนยาวเพื่อที่สีจะได้เข้าไปทั่วได้ทุกซอกที่ไม่เรียบ อีกทั้งขนยาวทำให้ทาได้ฟิล์มหนาและทาได้พื้นที่มากกว่า ทั้ง 2 แบบนี้มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 4”, 7”, และ 10” พร้อมด้วยระบบ Quick Change ที่สามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้สะดวกและรวดเร็ว

เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความนี้ ช่างช้างหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้ท่านได้ตัดสินใจในการเลือกซื้อได้ง่ายและเหมาะกับงานของท่านนะครับ สุดท้ายนี้ช่างช้างขอฝาก อุปกรณ์ช่างคุณภาพ “โซมิค” ไว้ด้วยนะครับ

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้าโซมิคได้ที่