สีทาบ้าน เลือกอย่างไร – Somic อุปกรณ์คู่ใจช่าง

สีทาบ้าน เลือกอย่างไร

Home / บทความ / สีทาบ้าน เลือกอย่างไร Return to Previous Page
สีทาบ้าน เลือกอย่างไร

เคยหรือเปล่า เมื่อเพื่อนๆอยากเปลี่ยนสีห้อง ก็เลือกโทนสีทั้งชอบแล้วเดินเข้าไปร้านสีเพื่อเลือกซื้อ สีทาบ้าน แต่เลือกสีไม่ถูก เพราะไม่ใช่แค่โทนสีที่ชอบเท่านั้นที่ต้องเลือก แต่มีปัจจัยอื่นที่ต้องเลือกเยอะแยะมากมายไปหมด ยิ่งอ่านชื่อสี และ คุณสมบัติ ยิ่งงงไปอีกว่าต้องใช้สีแบบไหนดี ทั้งยี่ห้อ รุ่น เกรดสี และชนิดของฟิล์มสี ข้อมูลเยอะไปหมดจนทำให้เลือกกันไปถูกทีเดียว วันนี้ช่างช้างนำข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสีทาบ้านมาสรุปให้ เพื่อให้เพื่อนๆสามารถเลือกสีได้ง่ายและตรงกับความต้องการของงานของทุกคนครับ

ประเภทของ สีทาบ้าน

สีทาบ้านทั่วไปหลักๆ แล้วจะแบ่งออกมาได้ 3 ประเภท ตามการใช้งาน ได้แก่

  1. สีทาภายนอก – เป็นสีน้ำอะคริลิก สำหรับทาสีภายนอกอาคาร เป็นสีที่ทนทานกว่าทำให้ทนแดดทนฝน และหลากหลายสภาพอากาศ สามารถทาภายในได้หากพื้นที่นั้นๆต้องการความทนมานสูงเป็นพิเศษ แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าทำให้ไม่เหมาะนักสำหรับ ผนังห้องภายในทั่วไป
  2. สีทาภายใน – เป็นสีน้ำอะคริลิกเช่นเดียวกัน ใช้ทาภายในเท่านั้นไม่สามารถทาภายนอกได้ เพราะเป็นสีที่ไม่ทนทานต่อสภาพอากาศ
  3. สีทารองพื้น – เป็นสีสำหรับทาเป็นชั้นแรกสุด เพื่อเพิ่มจะยืดเกาะของ สีทาบ้าน และ พื้นผิว ทำใหป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากการทาสีทับหน้าแล้ว เช่น สีลอกร่อน จากความชื้น หรือ สิ่งสกปรกบนพื้นผิว โดยสีรองพื้นแบ่งออกเป็น2แบบ คือ สีรองพื้นทาปูนใหม่ สำหรับผนังใหม่ และ สีรองพื้นปูนเก่า ซึ่งสามารถยึดเกาะได้ดีกว่าใช้สำหรับ ทาผนังเก่า หรือ เมื่อต้องการทาทับสีเดิม ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ให้เหมาะกับพื้นผิวที่จะทาสี
ประเภท สีทาบ้าน

ความเงาของฟิล์ม สีทาบ้าน

ควาวเงา หรือ Finishing ของฟิลม์สีทาบ้าน หลักๆแบ่ง 4 ประเภท ตามการสะท้อนแสงของพื้นผิวสี ดังนี้

  1. ฟิล์มด้าน (Matt) – ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้ทาภายในเพราะมีความสามารถปกปิดความไม่เรียบของพื้นผิวได้ ไม่ค่อยสะท้อนแสง และทำความสะอาดยากกว่าฟิล์มอื่นๆ
  2. ฟิล์มเนียน (Sheen) – ความเงาของฟิล์มสีจะอยู่ระหว่าง กิ่งเงาและด้าน มีคุณสมบัตรในการทำความสะอาดได้ง่ายกว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกใช้กับภายนอกอาคาร
  3. ฟิล์มกึ่งเงา (Semi-Gloss) – ความเงาจะน้อยกว่าฟิล์มเงา จะเงากำลังพอดี เหมาะกับทาภายนอกและภายในอาคาร เพราะทำความสะอาดง่าย
  4. ฟิล์มเงา (Gloss) – มีความเงามากที่สุด จึงทำให้ฟิล์มชนิดนี้เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายมากๆ

โดยยิ่งเงามาก ความสด และ ความเข้มของสีก็จะเข้มขึ้นตามลำดับ

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/toapaint

เกรดหรือคุณภาพของสี

นอกจาก การใช้งาน และ ควาวมเงาของฟิล์มสี แล้ว สีทาบ้านก็ถูกแบ่งเป็นเกรดคุณภาพต่างๆ ซึ่งจะแบ่งโดยความคงทนของ สีทาบ้านซึ่งส่วนใหญ่ สียี่ห้องต่างๆจะแบ่งเกรดของสีออกเป็นคร่าวๆดังนี้

  1. เกรดพรีเมี่ยมสูงสุด (Ultra Premium) – จะมีอายุการใช้งานได้ประมาณ 15 ปี ความทนทานสูงมาก และสีไม่จางไม่ลอกร่อนง่าย
  2. เกรดพรีเมี่ยม (Premium) – จะมีอายุการใช้งานประมาณประมาณ 10 ปี ทนทานต่อสภาวะต่างๆ ได้ดีเยี่ยม
  3. เกรดมาตรฐาน (Standard) –  จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี และเป็นเกรดสีที่ขายดีที่สุด
  4. เกรดอีโคโนมี่ (Economy) – จะมีอายุการใช้งานแค่ 1-3 ปีเท่านั้น เหมาะกับงานทีต้องทาสีบ่อยๆเช่นบ้านเช่าห้องเช่า หรือ งานทำพร็อพ ทำฉากต่างๆ เป็นต้น

สีทาบ้าน แต่ละแบรนด์ แบ่งประเภทสีกันยังไง

สีแต่ละยี่ห้อจะมีการเรียกรุ่นสีของตัวเองแตกต่างกันออกไป เพื่อง่ายต่อการจดจำ ในบทความนี้ช่างช้างก็ได้ยกตัวอย่าง ชื่อทางการตลาด ของสีเกรดต่างๆ ของแต่ละยี่ห้อ มาให้ดูกันนะครับ เอาไว้เป็นแนวทางเลือก สีทาบ้านนะครับ

  1. เกรดอัลตร้าพรีเมี่ยม
    • TOA – SuperShield Duraclean
    • Beger – Shield
    • Delta – Shield
    • Dulux – Easy Care Plus
  2. เกรดพรีเมี่ยม
    • TOA – Shield1
    • Beger – Synotex
    • Delta – Acrylic Emulsion Paint
    • Dulux – Easy Care
  3. เกรดมาตรฐาน
    • TOA – 4-Seasons
    • Beger – Nano
    • Delta – Deltech
    • Dulux – Inspire
  4. เกรดอีโคโนมี่
    • Mandarin Duck Brand
    • Bull
    • National

สียี่ห้อต่างๆ มักจะมีการใส่สารเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ทนความร้อน ทำความสะอาดง่าย หรือ ป้องกันเชื้อโรค และขายในชื่อการตลาดที่ต่างกัน สามารถหาข้อมูลได้ตามช่องทางต่างๆของยี่ห้อนั้นๆ


อุปกรณ์ทาสี มีผลต่อการทาสีหรือเปล่า

นอกจากการเลือกสีแล้ว การเลือกอุปกรณ์ที่ใช้ในการทาสีก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน อุปกรณ์ทาสีก็มีหลายคุณภาพ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ส่งผลให้งานมีความเรียบเนียนไม่เท่ากัน รวมไปถึงความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน ช่างช้างจึงมาแนะนำลูกกลิ้งทาสีคุณภาพ อย่าง ลูกกลิ้งทาสี โซมิค 2in1 ที่มีเส้นใยคุณภาพดี ขนฟู หนา ทอได้แน่นทำให้อุ้มสีได้ดี และส่งสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ สีเรียบเนียนทาได้พื้นที่มากกว่า สะดวก รวดเร็วทันใจ มีขนาดให้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการหลากหลาย ตั้งแต่ขนาด 4”, 7”, 9”, 10” และ รุ่นเล็กอย่าง Slim

สีทาบ้าน ทาด้วย ลูกกลิ้งทาสีโซมิค2in1

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ ตอนไปเลือกซื้อสีคราวหน้าจะได้เลือกซื้อสีได้ ตรงตามความต้องการ สุดท้ายนี้ช่างช้าง ก็ฝากอุปกรณ์ช่างคุณภาพ อย่างอุปกรณ์ช่างโซมิคไว้ด้วยนะครับ

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสินค้าโซมิคได้ที่

LINE@Somic